จัดเสื้อผ้าแยกกลุ่ม หรือตามประเภท เช่น กางเกงขายาว, กางเกงขาสั้น, เสื้อแขนยาว, เสื้อแขนสั้น, กระโปร่ง 2. แบ่งเสื้อผ้าตามสี จัดเก็บโดยแขวนตามเฉดสี แยกสีพื้นและลวดลาย ไล่น้ำหนักจากอ่อนไปเข้ม 3. เสื้อยืด ชุดนอน ควรพับเก็บ จะประหยัดเนื้อที่แขวน 4. เสื้อผ้ามีน้ำหนัก เช่น สูท ให้จัดเก็บกับไม้แขวนแบบหนา เพื่อรักษารูปทรงของใช้ชิ้นเล็ก เช่น เนคไท ผ้าพันคอ ถุงเท้า หรือเข็มขัด ให้เก็บไว้ในกล่องหรือตะกร้า ถ้าเป็นกล่องที่แบ่งช่องเล็กๆ เก็บเป็นชิ้นๆ ก็จะหยิบใช้งานง่าย 5. พยายามหมั่นสำรวจตู้เสื้อผ้าทุกหกเดือน รื้อสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ไปบริจาค และจัดเก็บแต่ละส่วนให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ 6. ปิดตู้ทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อกันฝุ่นและแสงแดดทำลายผ้า และควรดูดฝุ่นในตู้และบนชั้น เดือนละ 1-2 ครั้ง 7. ใส่อุปกรณ์ดักจับความชื้นในตู้ และเพิ่มเครื่องหอม แก้ปัญหากลิ่นอับและเพิ่มความหอมให้เสื้อผ้า การดูแลรักษาตู้เสื้อผ้า 1. ควรนำเสื้อผ้าที่มีอยู่ทั้งหมดออกจากตู้เสื้อผ้า เอามาแขวนไว้บนราวที่เตรียมไว้ แล้วแยกประเภทของเสื้อผ้าไว้คือ จำพวกที่ใช้การได้ จำพวกที่ไม่ใช้แล้ว 2.
การแต่งกายให้เหมาะสมกับโอกาส การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับตนเองและเหมาะกับโอกาส จะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของตนเอง ให้ดูดี มีสง่า ดังนั้นเราจึงต้องรู้จักเลือกสวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม ซึ่งมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ชุดที่ใส่อยู่บ้าน ควรแต่งกายตามสบายเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย เช่น เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ๒.
วิธีปอกหัวหอมให้ไม่แสบตา ทำอย่างไรนะ ต้มน้ำให้เดือด (ประมาณ 15 นาที) ยกลงจากเตา จุ่มหัวหอมลงไปในน้ำร้อนแล้วรีบนำขึ้นไปแช่น้ำเย็นอีกครั้ง จะทำให้หัวหอมปอกเปลือกได้ง่าย ไม่แสบตา แล้วยังป้องกันการที่หัวหอมมีสีเขียวคล้ำ และมีกลิ่นเหม็นเมื่อทิ้งไว้นานได้อีกด้วย ที่มา: หนังสือความรู้คู่บ้าน โดย พรรณิภา ต่วนโสภณ รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด